บางคนใช้เวลาถึงหกเดือนไล่ตามคนที่หมายปอง ด้วยการทำตัวเฉียดไปเฉียดมา หมาหยอกไก่ หรือไม่ก็ทำเป็นเล่นตัวให้เข้าหายาก พยายามหาอุบายสาระพัดสาระเพ แต่แล้วก็สรุปลงท้ายเหลวเป๋ว สุนัขคาบไปรับประทานเสียนี่ ทั้งที่มีวิธีง่ายๆแค่ไม่กี่วิธีก็สามารถชนะใจผู้ชายแบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียตังค์ทำตัวเป็นแม่บุญทุ่มเลยค่ะ มาลองเทคนิคเหล่านี้ดูสิ
โผล่มาจ๊ะจ๋าบ่อยๆจากนั้นทำตัวไม่ว่าง
ผู้ เชี่ยวชาญพฤติกรรมมนุษย์บอกว่า ยิ่งเรามีปฏิสัมพันธ์กับใครบางคนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งชอบเรามากขึ้นเท่านั้น หลายสำนักและหลายสถาบันศึกษามาแล้วว่า การถูกกระตุ้นซ้ำๆทำให้เราชอบมันมากขึ้น เพราะฉะนั้นลืมไปได้เลยเรื่องทำเป็นเล่นตัว เย็นชา หลบเลี่ยง และไม่ว่างในช่วงเริ่มต้น แทนที่จะทำอย่างนั้น ควรยกเลิกทุกอย่าง หันมาใช้เวลากับเป้าหมายให้มาก
ตั้งอกตั้งใจประจ๋อประแจ๋เข้าไว้ เมื่อรู้สึกว่าเป้าหมายชอบเราเข้าแล้วเต็มเปา ให้เริ่มทำตัวยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ค่อยว่างเหมือนแต่ก่อน ห่างหายไปจนกระทั่งแทบไม่ได้เจอหน้าค่าตากันเลย เรื่องพิลึกอย่างหนึ่งของมนุษย์คือ มนุษย์มักต้องการสิ่งที่ปุบปับก็กลายเป็นของที่ได้มายาก ทั้งที่เคยเห็นมันทุกวัน มารู้สึกถึงคุณค่าก็ตอนที่มันหายไป
ด้วยกฎโลกแตกข้อนี้ทำให้เป้าหมายจิตประหวัดคิดถึงเราอย่างปัจจุบันทันด่วน จากความคิดถึงแปรเปลี่ยนเป็นติดเนื้อพึงใจและอาจพัฒนากลายเป็นความรัก กิ้วๆ เทคนิคนี้ง่ายมากๆ
อย่าทำอะไรดีๆให้เขา ปล่อยเขาทำให้เรา
ถ้า เราทำอะไรดีๆให้ใครสักคน เราจะรู้สึกดีกับตัวเองและดีกับสิ่งที่เราทำให้คนอื่น และเพื่อให้คุ้มค่ากับความพยายามที่ทำลงไป เรามักประเมินผู้รับดีเกินจริงไปนิด ผลลัพธ์คือ เราชอบคนๆนั้นมากขึ้น เห็นไหมคะ จิตวิทยาง่ายๆแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายทำให้เรารับรองว่าเวิร์คแน่นอน ลองดูค่ะ
ส่งสายตา
จาก การศึกษาวิจัย (อีกแล้ว) พบว่า คู่รักที่ดื่มด่ำในความรักเหลือเกิน ใช้เวลามองกันและกัน 75 เปอร์เซ็นต์ของเวลาที่พูดคุยกัน และถ้ามีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกในการสนทนา คู่รักจะละสายตาจากกันไปยังบุคคลที่สามช้ากว่าปกติมนุษย์ ซึ่งคนปกติใช้เวลามองกันและกันในระหว่างสนทนาแค่ 30-60 เปอร์เซ็นท์เท่านั้น ลองพยายามมองเป้าหมายขณะคุยกับเราสัก 75 เปอร์เซ็นท์ของเวลาทั้งหมด วิธีนี้เป็นเทคนิคล่อลวงสมองของเขา สมองจะรับรู้ครั้งสุดท้ายที่มีคนมอง ยิ่งมองนานๆมองบ่อยๆยิ่งดี นั่นหมายถึงคนที่ส่งสายตามาอาจตกหลุมรักเข้าให้แล้ว ว้าว ! สมองจึงคิดว่า โอเค ตกหลุมรักคนมองด้วยเหมือนกัน แล้วสมองจะเริ่มหลั่งสาร phenylethylamine หรือ PEA ตัวเดียวกับที่เรามีเมื่อตกหลุมรักครั้งแรก
สารตัวนี้ทำให้ฝ่ามือชื้นเหงื่อ ท้องมวนหวิวราวกับมีผีเสื้อบินว่อนนับร้อยอยู่ในท้อง ถ้าเราทำให้เป้าหมายหลั่งสารตัวนี้ออกมาได้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งตกหลุมรักเรามากเท่านั้น ดังนั้นพยายามส่งสายตาแสดงความชื่นชมบูชาไปเรื่อยๆ ขยันเข้าไว้ ใจหินแค่ไหนย่อมหวั่นไหวเข้าสักวัน สู้ๆ !
อย่ามองไปทางอื่น
ใน เมื่อคู่รักมองกันไม่วางตาในระหว่างพูดคุย และกว่าจะละสายตาไปหาบุคคลที่สามซึ่งโผล่เข้ามาร่วมวงก็แทบต้องเอาช้างมาลาก ถ้าเราเอาเทคนิคนี้ไปทำกับเป้าหมายซึ่งยังไม่อินเลิฟกับเรา นั่นเป็นการเล่นกลกับสมองของเป้าหมายให้หวั่นไหว ดีไม่ดีอาจไปเพิ่ม PEA ในกระแสเลือดของเป้าหมายให้มากขึ้น
เทคนิคตาหวานนี้ง่ายๆ แค่ใช้สมาธิอย่าวอกแวก ล็อคสายตาไว้ที่เป้าหมายในขณะสนทนากัน แม้คุยกันจบแล้วหรือมีคนมาร่วมแจมก็ให้แช่สายตาอยู่อย่างนั้น จนเมื่อจำเป็นต้องหันไปทางอื่น ให้ทำท่าลากสายตาแบบฝืนใจเหลือทน หันหน้าไปก่อนแล้วลากสายตาตามไปทีหลัง (หันไปแค่ 3-4 วินาทีก็พอ) เป้าหมายจะสัมผัสได้ถึงความหวามไหวโรแมนติคซึ่งจี๊ดเข้าหัวใจ เทคนิคนี้อาจดูไม่ขลังหรือน่าประทับใจเท่าไร แต่รับประกันว่าเวิร์ค 100 เปอร์เซ็นท์ค่ะ วาบหวิวแทบลืมหายใจเชียวละ
ในกรณีที่ขี้อายจนไม่กล้าส่งสายตาโจ่งแจ้ง ช่วงล็อคสายตาหวานเชื่อมให้นึกถึงลูกบอลที่กำลังเด้งกระดอน หันหน้าไปหาบุคคลที่สามที่เข้ามาแจม และทุกครั้งที่บุคคลนี้จบประโยคหรือประเด็น ให้ส่งสายตาเด้งกลับมาที่เป้าหมาย นี่คือการเช็คว่าเป้าหมายมีปฏิกิริยากับผู้พูดอย่างไร และเป็นการบอกใบ้ให้เป้าหมายรู้ว่าเราสนใจตัวเขามากกว่าบุคคลที่สาม
ดวงตาไม่โกหก
ตาม ปกติรูม่านตาจะขยายกว้างเมื่อมองสิ่งที่พึงใจ เพราะฉะนั้นฝึกเอาไว้ค่ะ ทุกครั้งที่มองเป้าหมาย เติมอารมณ์ชื่นชมบูชาหลงใหลให้เต็มหัวอก รูม่านตาจะขยายโดยอัตโนมัติ ซึ่งของแบบนี้สังเกตุเห็นได้ค่ะ เป้าหมายจะรู้ทันทีว่า อุ้ย คนนี้ปิ๊งเราเข้าแล้ว เชื่อเถอะว่าไปไหนไม่รอด ก็สายตาเรามันฟ้องขนาดนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น